Casio ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับ Marubeni
บริษัท Casio Computer (สำนักงานใหญ่: เขตชิบูย่า, โตเกียว) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ว่าได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์กับ Marubeni Green Asset 2 Thailand ในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งบริษัท Casio Thai ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้ทำสัญญานี้ โดย Marubeni Green Asset 2 Thailand จะติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาของโรงงาน Casio Thai คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า โดยมีกำลังการผลิตสูงสุด 999.18 กิโลวัตต์ (kWp)
ในปี 2022 Casio ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด 12,164 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในครั้งนี้จะทำให้ประมาณ 10% ของการใช้ไฟฟ้ามาจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ถึง 618 ตันต่อปี การติดตั้ง บำรุงรักษา และการดำเนินงานของระบบจะถูกจัดการโดย Marubeni Green Asset 2 Thailand ทำให้ Casio Thai สามารถใช้พลังงานสะอาดได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการลงทุนหรือค่าบริหารจัดการระบบ
บริษัท Casio Computer ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่มบริษัทลง 38% ภายในปี 2030 โดยใช้ปีงบประมาณ 2018 เป็นเกณฑ์ และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ตั้งแต่ปี 2021 บริษัทได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนในสำนักงานใหญ่และสถานที่ดำเนินงาน 6 แห่งในญี่ปุ่น รวมถึงโรงงานที่ยามากาตะ ในต่างประเทศ Casio ได้เริ่มใช้พลังงานจากระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่โรงงานจงซานในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2023 สำหรับ Casio Thai นั้น ผลิตนาฬิกาข้อมือที่ทนทานต่อแรงกระแทก เช่น G-SHOCK และเครื่องคิดเลขที่ใช้ในโรงเรียนสำหรับการศึกษาคณิตศาสตร์
บริษัทสยาม ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมวัสดุ
รายงานผลกำไรลดลง 54% ในไตรมาสที่ 2
บริษัทปูนซิเมนต์ไทย (SCG) ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมวัสดุ ได้ประกาศผลประกอบการรวมของไตรมาสที่ 2 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็น 128,195 ล้านบาท แต่มีกำไรสุทธิลดลง 54% เหลือ 3,708 ล้านบาท ยอดขายลดลงโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีที่เป็นธุรกิจหลัก และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบกดดันกำไร ทำให้กำไรสุทธิลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในเวียดนามและอินโดนีเซียยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 3% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 53% EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ลดลง 18% เหลือ 16,266 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการรวมครึ่งปีแรก รายได้จากการขายลดลง 0.4% เหลือ 252,461 ล้านบาท และกำไรสุทธิลดลง 75% เหลือ 6,133 ล้านบาท EBITDA ลดลง 10% เหลือ 28,889 ล้านบาท
Tocalo ผู้เชี่ยวชาญด้านการเคลือบพื้นผิวโลหะ
ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นการเปลี่ยนบริษัทในเครือให้เป็นบริษัทย่อยแล้ว
บริษัท Tocalo ผู้เชี่ยวชาญด้านการเคลือบพื้นผิวโลหะ (สำนักงานใหญ่: เขตฮิงาชินาดะ, เมืองโกเบ) ประกาศเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ว่าได้ดำเนินการซื้อหุ้นของบริษัท Nice & Tocalo (Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจด้านการพ่นเคลือบสำเร็จแล้ว โดยบริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น Tocalo Surface Technology (Thailand) พร้อมทั้งเพิ่มทุนจำนวน 70 ล้านบาท
ในเดือนมิถุนายน Tocalo ประกาศว่าจะซื้อหุ้นจำนวน 86,700 หุ้น จาก Nice ผู้ผลิตวัสดุเชื่อม (สำนักงานใหญ่: เมืองอามากาซากิ จังหวัดเฮียวโงะ) และบริษัทย่อยของ Nice ด้วยมูลค่า 80 ล้านบาท หลังจากการซื้อหุ้นเพิ่มเติมครั้งนี้ สัดส่วนการถือหุ้นของ Tocalo จะเพิ่มขึ้นจาก 49.0% เป็น 100% ทุนจดทะเบียนหลังการเพิ่มทุนจะอยู่ที่ 240 ล้านบาท Tokaro ได้เปลี่ยนบริษัทในเครือเป็นบริษัทย่อยเพื่อมุ่งเน้นทรัพยากรการบริหารไปยังธุรกิจการพ่นเคลือบ และขยายการดำเนินงานในด้านนี้
บริษัท JCU ผู้ผลิตสารเคมีสำหรับการเคลือบผิว
เตรียมสร้างโรงงานใหม่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย