สำรวจตลาด 26/12/2024, 16:21

ลำดับที่ 87 การเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของสงครามร้านสะดวกซื้อในไทย

 ร้านสะดวกซื้อแห่งแรกในประเทศไทยปรากฏขึ้นเมื่อ 35 ปีที่แล้ว ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2532 โดยเป็นร้าน 7-Eleven สาขาแรก หลังจากนั้นไม่นาน Family Mart และ Lawson จากญี่ปุ่นก็ได้ทยอยเข้ามาเปิดสาขาในไทย รวมถึงการเกิดขึ้นของแบรนด์ใหม่ที่ใช้ทุนจากคนไทยเอง ทำให้ร้านสะดวกซื้อกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในประเทศ ปัจจุบันมีจำนวนร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศประมาณ 20,000 สาขา ซึ่งสามารถพบได้แม้แต่ในพื้นที่ห่างไกล เช่น ใกล้ชายแดนเมียนมา โดยเฉพาะ 7-Eleven ที่ครอบครองส่วนแบ่งตลาดถึง 3 ใน 4 ของจำนวนทั้งหมด แสดงถึงการครองตลาดที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม แนวคิดที่ไม่เน้นการขยายจำนวนสาขาแบบเดิมกำลังเริ่มมีการพูดถึง ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงใหม่ในวงการ สงครามร้านสะดวกซื้อในไทยกำลังก้าวสู่เวทีใหม่ที่น่าจับตามอง

ลำดับที่ 87 การเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของสงครามร้านสะดวกซื้อในไทย

 ในเดือนพฤษภาคมปี 2023 อุตสาหกรรมร้านสะดวกซื้อในไทยต้องพบกับความสั่นสะเทือน เมื่อ Family Mart ประกาศถอนตัวออกจากตลาดไทย เดิมทีเมื่อเริ่มต้นเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย บริษัทมีแผนเปิดร้านถึง 2,000 สาขาทั่วประเทศ แต่ไม่สามารถแย่งชิงตลาดจากยักษ์ใหญ่อย่าง 7-Eleven ได้ ก่อนถอนตัวออก ร้านที่เหลืออยู่มีเพียง 400 สาขาเท่านั้น ในขณะเดียวกัน 7-Eleven ได้ขยายเครือข่ายไปถึง 14,000 สาขาในขณะนั้น สร้างความผิดหวังอย่างมาก หลายคนจึงมองว่านี่คือจุดเริ่มต้นของยุคที่ 7-Eleven ครองตลาดอย่างเบ็ดเสร็จในไทย

 ณ ขณะนี้ จำนวนร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยที่ไม่นับรวม 7-Eleven มีประมาณ 1,400 สาขา ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่ม TCC Group เจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่บริหารร้าน Big C Mini
  Lawson 108 ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนระหว่าง Lawson จากญี่ปุ่นและ Saha Group กลุ่มบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของไทย มีจำนวนสาขาน้อยกว่า 200 สาขา ส่วน Tops Daily ซึ่งอยู่ในเครือ Central Group และรับช่วงต่อจาก Family Mart มีประมาณ 110 สาขา ซึ่งยังถือว่าห่างไกลจากจำนวนร้านของ 7-Eleven ขณะเดียวกัน Lotus’s Go Fresh ที่เข้าซื้อกิจการมาจาก Tesco มีประมาณ 2,000 สาขา แต่การดำเนินงานอยู่ภายใต้เครือ CP Group เช่นเดียวกับ 7-Eleven โดยบริหารผ่าน CP Extra ซึ่งเป็นเครือข่ายค้าส่ง
 (ชื่อเดิม: สยามแม็คโคร) ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกับ 7-Eleven ทำให้ไม่สามารถนับเป็นคู่แข่งได้อย่างแท้จริง  ท่ามกลางสภาวะที่ 7-Eleven ครองตลาดอยู่แทบจะเบ็ดเสร็จ ผู้ที่พยายามท้าทายคือ Lawson 108 จากญี่ปุ่น โดย Lawson เข้าสู่ตลาดไทยในเดือนมีนาคม 2556 ในช่วงเริ่มต้นนั้นยังเดินตามหลัง 7-Eleven และมีแผนที่คล้ายกับ Family Mart คือ “ขยาย 1,000 สาขาภายใน 5 ปี” ในปี 2017 ได้ปรับเป้าหมายเป็น “500 สาขาภายในปี 2020” โดยมุ่งเน้นการขยายจำนวนสาขาให้มากที่สุด  

 อย่างไรก็ตาม แม้เวลาผ่านไป 5 ปี หรือเกือบ 10 ปี ความแตกต่างกับผู้นำตลาดอย่าง 7-Eleven กลับไม่ได้ลดลงเลย จึงทำให้ Lawson ตัดสินใจปรับกลยุทธ์ใหม่ เน้น “คุณภาพมากกว่าปริมาณ” “กำไรมากกว่ายอดขาย” และเปลี่ยนเป้าหมายจากการขยายทั่วประเทศมาโฟกัสที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเลือกและกระจายความสำคัญเฉพาะพื้นที่
 ก่อนหน้านี้ในปี 2019 Lawson 108 ได้เริ่มเปิดสาขาภายในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสในเขตกรุงเทพฯ โดยมุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มผู้โดยสารที่เดินทางเพื่อทำงานหรือไปเรียน นอกจากนี้ยังเร่งขยายเข้าสู่พื้นที่ในสถานที่สาธารณะอื่น ๆ เช่น รถไฟใต้ดิน สนามบิน และโรงพยาบาล  

สิ่งที่สร้างความชัดเจนให้กับทิศทางนี้คือการเปิดร้านเรือธง (Flagship Store) United Center ในศูนย์การค้าสีลมเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2024 โดยร้านนี้มีพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร ซึ่งกว้างกว่าร้านทั่วไปของ Lawson 108 อย่างมาก และมีสินค้าที่หลากหลาย โดยเน้นสินค้าจากญี่ปุ่นเป็นหลัก

ด้วยแนวคิด “สัมผัสญี่ปุ่น ลิ้มรสญี่ปุ่น” ทำให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในทันที

แน่นอนว่า ผลกระทบต่อสมรภูมิการแข่งขันในตลาดร้านสะดวกซื้อยังไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจน 7-Eleven อาจเตรียมกลยุทธ์เพื่อตอบโต้ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ความพยายามนี้ถือว่าน่าสนใจและควรค่าแก่การติดตามเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาดร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในสภาวะผูกขาดมานานได้หรือไม่ (ยังมีต่อ)

แบ่งปัน

ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม